สุขภาพ - วอยซ์ ออฟ อเมริกา http://www.voathai.com/archive/health/latest/1821/1828.html สาระน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพทั้งในสหรัฐ และจากประเทศต่างๆ รอบโลก http://www.voanews.com/img/voa/rssLogo_VOA.gif สุขภาพ - วอยซ์ ออฟ อเมริกา http://www.voathai.com/archive/health/latest/1821/1828.html th-TH Copyright 2010-วอยซ์ ออฟ อเมริกา 60 Thu, 28 Aug 2014 22:07:38 +0700 Pangea CMS – VOA นักวิจัยเร่งควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อมาลาเรียดื้อยาในเอเชียอาคเนย์หลังพบระบาดเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 80 ในรอบ 5 ปี คลีนิควิจัยและรักษาผู้ป่วยโรคมาลาเรียบริเวณชายแดนไทยพม่าที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตากกำลังพยายามแก้ปัญหาการดื้อยาของเชื้อมาลาเรียก่อนที่จะมีการระบาดออกไป   คลีนิควิจัยและรักษาผู้ป่วยโรคมาลาเรีย ริมชายแดนไทย-พม่าที่บ้านวังผา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เคยประสบความสำเร็จในการช่วยลดการระบาดของเชื้อมาลาเรียอย่างได้ผลจนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างน่าทึ่งมาแล้วในช่วงตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรศที่ผ่านมา แต่ แพทย์หญิง Cindy Chu  ผู้ดูแลคลีนิควิจัยที่บ้านวังผา แห่งนี้ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับโรคภัยร้ายแรงชนิดนี้อยู่   พญ.Cindy บอกว่า ที่ผ่านมาจะพบผู้ป่วยโรคมาลาเรียที่คลีนิคแห่งนี้จำนวนมาก แต่การเร่งกำจัดและความตื่นตัวที่จะระวังป้องกัน  รวมทั้งการจัดตั้งศูนย์มาลาเรียในฝั่งพม่าทำให้อัตราการการติดเชื้อมาลาเรียในแถบนี้ลดลงไปมาก อย่างไรก็ตามกลับพบว่าเชื้อมาลาเรียมีความซับซ้อนมากขึ้น จากอาการดื้อยา อาร์ติมิซินิน (Artimisinin) ขณะที่ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยต้องการการรักษาที่เพิ่มขึ้น   ก่อนหน้านี้ยาอาร์ติมิซินิน เคยใช้ได้ผลอย่างมากในการรักษาโรคมาลาเรียโดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับยาชนิดอื่น แต่เมื่อไม่นานนี้ กลับพบเชื้อปรสิตมาลาเรียที่ดื้อยา ในแถบ 5 ประเทศ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ ไทย พม่า กัมพูชา เวียดนาม และลาว    แม้ปัจจุบันคุณหมอจะยังคงใช้วิธีรักษาผู้ป่วยด้วยการใช้ยาหลายชนิดด้วยขนานที่แรงขึ้น แต่ก็มีความกังวลว่าในไม่ช้ายาเหล่านั้นอาจจะหมดฤทธิ์เพราะอาการดื้อยา   ศาสตราจารย์ Francais Nosten  จากศูนย์วิจัยมาลาเรีย Shoklo ที่เก็บข้อมูลศึกษาในแถบชายแดนไทย-พม่า มากว่า 30 ปี บอกว่า สถานการณ์นี้ถือเป็นเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของโลกเลยก็ว่าได้เพราะพบว่ากระบวนการดื้อยาของเชื้อมาลาเรียเกิดขึ้นเร็วมาก จากในปีพ.ศ.2550 ยังไม่พบผู้ติดเชื้อปรสิตมาลาเรียที่ดื้อยาแม้แต่รายเดียวแต่ในอีก 5 ปี ต่อมาหรือในปี พ.ศ.2555 กลับพบเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 80  ศาสตราจารย์ Nosten เสนอให้ใช้วิธีการใช้ยาที่มีฤทธิ์แรงมากขึ้นเพื่อต่อต้านการดื้อยาของเชื้อมาลาเรียเพื่อควบคุมการระบาด เช่นเดียวกับการจัดการควบคุมการใช้ยาให้ทั่วถึงทุกๆ หมู่บ้าน   ศาสตราจารย์ ด้านการวิจัยเชื้อมาลาเรีย บอกว่า สิ่งที่คาดหวังก็คือการสามารถยุติพัฒนาการของการดื้อยาอาร์ติมิซินินลงได้ และกำจัดเชี้อปรสิตมาลาเรีย ซึ่งแม้จะยังไม่ดีพอที่จะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยหรือการลดการติดต่อของโรคระบาดได้ แต่อย่างน้อยสิ่งที่ต้องทำคือกำจัดเชื้อปรสิตกลายพันธุ์ที่ดื้อยาไม่ให้แพร่ระบาดออกไป   หน่วยแพทย์ในพื้นที่เตรียมแผนที่จะแจกยาต่อต้านเชื้อมาลาเรียไปตามหมู่บ้านต่างๆ ที่อาจจะเป็นแหล่งแพร่ระบาดเชื้อมาลาเรีย และคาดหวังว่าอาจจะพอช่วยหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อปรสิตอันตรายชนิดนี้ได้       http://www.voathai.com/content/malaria-drug-resistance-pt/2429311.html http://www.voathai.com/content/malaria-drug-resistance-pt/2429311.html Wed, 27 Aug 2014 09:01:17 +0700 สุขภาพnoreply@voanews.com (Pinitkarn Tulachom) ผู้เชี่ยวชาญในอังกฤษพบว่าวัคซีน BCG ช่วยป้องกันเด็กจากการติดเชื้อวัณโรคได้ ผลการศึกษาชิ้นล่าสุดพบว่าการฉีดวัคซีนบีซีจีเเก่เด็กเป็นวิธีป้องกันการติดเชื้อวัณโรคตั้งเเต่เนิ่นๆ ที่มีประสิทธิภาพมาก  มีคนราวสองพันล้านคนที่อาจจะติดเชื้อวัณโรคที่แอบซ่อนอยู่ในร่างกายโดยไม่แสดงอาการจนกระทั่งระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเริ่มอ่อนแอ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าวัณโรคเป็นสาเหตุให้คนเสียชีวิตประมาณ 1 ล้าน 5 แสนคนทั่วโลก  วัคซีน BCG พัฒนาขึ้นโดยทีมนักวิจัยชาวฝรั่งเศสในช่วงต้นคริสตศวรรษที่แล้ว โดยผลิตขึ้นจากเชื้อวัณโรคที่มีชีวิตแต่ถูกปรับเเต่งให้อ่อนแอ เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดวัณโรคในวัว วัคซีน BCG นี้ไม่ก่อให้เกิดการติดเชื้อในคน แต่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้เด็กติดเชื้อวัณโรคจากผู้ป่วยโรคนี้ตลอดจนป้องกันการติดเชื้อโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ  ผลการตรวจเลือดเเสดงให้เห็นว่าวัคซีน BCG นี้อาจช่วยป้องกันเด็กๆ จากการติดเชื้อได้ตั้งเเต่เนิ่นๆ  Doctor Ibrahim Abubakar แห่ง University College London เชื่อว่าควรมีการฉีดวัคซีน BCG เเก่เด็กๆ ในประเทศที่มีการระบาดของวัณโรคให้มากเท่าที่สุดเท่าที่จะทำได้ Doctor Abubakar เป็นหัวหน้าโครงการควบคุมวัณโรคแห่งอังกฤษ Doctor Ibrahim Abubakar กล่าวว่าผลการศึกษาของทีมวิจัยชี้ว่ายังควรมีการฉีดวัคซีน BCG แก่เด็กๆ ต่อไปเพื่อป้องกันไม่ให้ติดเชื้อวัณโรคในภายหลัง โดยเฉพาะในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของวัณโรคและควรฉีดวัคซีนชนิดนี้เเก่เด็กๆ ให้เร็วๆ ที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ก่อนจะมีการติดเชื้อเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดในการป้องกันการติดเชื้อวัณโรค ทีมนักวิจัยนำโดย Doctor Ibrahim Abubakar ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่จัดเก็บ ระหว่างปีคริสตศักราช 1950 ถึง 2013 เพื่อศึกษาประสิทธิผลของวัคซีน BCG ในเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี โดยมีเด็กจำนวนมากที่ได้วัคซีน BCG แล้วต้องอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรค การศึกษาวิจัยทั้ง 14 ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการศึกษาผลของวัคซีน BCG ในเด็กจำนวนมากกว่า 3,800 คนจากประเทศเขตหนาว อาทิ อังกฤษ สเปน กรีซ อิตาลี่ ตรุกีและประเทศใกล้ๆ กับเส้นศูนย์สูตร อาทิ แกมเบีย อินโดนีเซีย อาฟริกาใต้และกัมพูชา เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ทีมนักวิจัยพบว่าวัคซีน BCG มีประสิทธิผล 19 เปอร์เซ็นต์ในการช่วยป้องกันไม่ให้เด็กที่ได้รับวัคซีนชนิดนี้ติดเชื้อวัณโรคแม้ว่าจะต้องอาศัยกับสมาชิกในครอบครัวที่ติดเชื้อวัณโรค ทีมนักวิจัยพบว่าวัคซีน BCG มีประสิทธิผลดีในการป้องกันการติดเชื้อวัณโรคในประเทศต่างๆ ในเขตหนาวที่อยู่ไกลจากเส้นศูนย์สูตรได้ดีกว่าโดยสามารถป้องกันการติดเชื้อวัณโรคได้ถึง 26 เปอร์เซ็นต์ Doctor Abubakar กล่าวว่าพบข้อมูลที่ยืนยันได้ว่าวัคซีน BCG ยังสามารถป้องกันผู้สูงอายุไม่ให้ติดเชื้อวัณโรคได้ด้วย Doctor Abubakar กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าการฉีดวัคซีน BCG แต่เนิ่นๆ เเก่ผู้สูงอายุที่อาศัยในประเทศที่มีการเเพร่ระบาดของวัณโรคต่ำน่าจะมีผลช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ บรรดาเชี่ยวชาญชี้ว่าผลการวิจัยนี้อาจมีผลต่อโครงการป้องกันวัณโรคด้วยการฉีดวัคซีนและอาจจะนำไปสู่การพัฒนาวัคซีนตัวใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม การศึกษาทั้งหมดนี้เเสดงว่าวัคซีน BCG อาจจะช่วยป้องกันเด็กจากการติดเชื้อวัณโรคชนิดที่มีความรุนแรงได้ด้วย      http://www.voathai.com/content/tb-vaccine-infection-tk/2428080.html http://www.voathai.com/content/tb-vaccine-infection-tk/2428080.html Tue, 26 Aug 2014 08:52:07 +0700 สุขภาพnoreply@voanews.com (Jessica Berman) หน่วยงานด้านเอดส์เร่งเร้าจีนให้ส่งเสริมความรู้เรื่องเอดส์แก่ประชาชน หน่วยงานด้านโรคเอดส์ในจีนชี้ว่าจีนขาดมาตรการป้องกันการระบาดของโรคและการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์แก่ประชาชน จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีที่ก่อให้เกิดโรคเอดส์ในประเทศจีนยังถือว่าค้อนข้างต่ำหากเทียบกับจำนวนประชากรจีนทั้งหมด ตัวเลขทางสถิติของทางการจีนชี้ว่ามีชาวจีน 800,000 คนติดเชื้อเอชไอวี แต่บรรดาเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขต่างกังวลต่อการเพิ่มขึ้นของการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีโดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาวชาวจีน สื่อมวลชนของรัฐบาลจีนรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 70,000 คนในปีพุทธศักราช 2556 ที่ผ่านมาและการติดเชื้อกำลังเพิ่มขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มผู้ใหญ่ตอนต้น ทางการจีนประมาณว่าเกือบ 90 สิบเปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้ที่ติดเชื้อรายใหม่ติดเชื้อผ่านทางเพศสัมพันธ์  Dr. Bernard Schwartlander ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศจีนชี้ว่าการติดเชื้อเอดส์ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ที่เพิ่มขึ้นในจีนเกิดจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการขยายตัวของชุมชนเมือง มีเเรงงานอพยพย้ายถิ่นชาวจีนหลายร้อยล้านคนพากันย้ายจากชนบทเข้าไปในเมืองเพื่อหางานทำ ถือเป็นการย้ายถิ่นของมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ Dr. Schwartlander เขากล่าวว่าจีนกำลังผ่านเข้าสู่ช่วงของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเเละเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบหลายด้านเพราะนำมาซึ่งผลทางบวกเเละผลทางลบ ปัญหาและความท้าทายหลายๆ อย่าง เกิดปัญหาสุขภาพ เพิ่มโอกาสการมีพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี  เมื่อคนหนุ่มสาวชาวจีนย้ายถิ่นจากชนบทเข้าไปหางานในเมืองที่มีค่าตอบแทนสูงกว่า พวกเขาประสบกับการปรับเปลี่ยนทางวัฒนธรรมไปในตัว Dr.  Schwartlander ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำจีนกล่าวว่าชาวจีนจำนวนมากเตรียมตัวไม่พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงทางวิถีชีวิตนี้  Dr. Schwartlander กล่าวว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเมืองต่างๆ มากมายโดยเฉพาะเมืองใหญ่ มีวัฒนธรรมย่อยเกิดขึ้นเพราะคนมีอิสรภาพกันมากขึ้น มีโอกาสได้รู้จักคนอื่นเเละคนมีโอกาสมีสัมพันธ์ทางเพศกันอย่างเสรีในขณะที่ยังขาดเเคลนการให้ความรู้ด้านการป้องกันการติดเชื้อเอดส์อย่างเพียงพอในกลุ่มคนเหล่านี้ ในขณะที่ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของจีนได้สร้างโอกาสแก่ประชาชนมากขึ้นในการได้รู้จักเเละเข้าสังคมกัน คนจีนจำนวนมากยังขาดความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ Dr. Schwartlander ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศจีนกล่าวว่ามีเพียงเเค่กึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อเอดส์ในกลุ่มคนรักเพศเดียวกันเท่านั้นที่รู้ตัวว่าติดเชื้อและผู้ติดเชื้อจำนวนมากเข้ารับการบำบัดหลังจากโรคเข้าขั้นก้าวหน้าเเล้ว บรรดานักรณรงค์ต่อต้านเอดส์ในจีนชี้ว่าผู้ติดเชื้อเอดส์ในจีนประสบกับปัญหาจากการรังเกียจจากสังคมหลายด้านทำให้พวกเขาไม่ยอมออกมาเปิดเผยตัวหรือเข้ารับการบำบัด หลายคนถูกไล่ออกจากงานเพราะติดเชื้อ สื่อมวลชนของทางการจีนรายงานว่าผู้นำจีนกำลังกำลังปรับแนวทางในการรับมือกับสถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศโดยส่วนหนึ่งจะเพิ่มงบประมาณแก่การบำบัดรักษาและเพิ่มความร่วมมือกับหน่วยงานสุขภาพในท้องถิ่นมากขึ้น บรรดากลุ่มประชาสังคมหลายคนในจีนหวังว่ามาตรการเหล่านี้ของรัฐบาลจะช่วยเสริมการทำงานเพื่อต่อต้านเอดส์ในจีนเข้มเเข็งมากขึ้น แต่คุณ Maya Wong แห่ง Human Rights Watch เเสดงความไม่มั่นใจต่อเรื่องนี้ว่า เธอกล่าวว่าทางการจีนมักจะตอบสนองอย่างรวดเร็วในการแก้ปัญหาโรคเอดส์ด้วยให้บริการด้านการบำบัดแก่ผู้ติดเชื้อแต่ในขณะเดียวกันทางการจีนยังขัดขวางการทำงานของกลุ่มนักรณรงค์ต่อต้านเอดส์ภาคเอกชนที่ต้องการหาทางร่วมมือกับรัฐบาลในการป้องกันการระบาดของโรค  แต่ผู้สื่อข่าววีโอเอชี้ว่าในที่สุดแล้ว รัฐบาลจีนจะต้องหันไปร่วมมือกับนักรณรงค์เอดส์ในจีนเพื่อควบคุมโรคเอดส์หากความชุกของโรคในจีนยังคงเพิ่มขึ้น        http://www.voathai.com/content/china-aids-tk/2426818.html http://www.voathai.com/content/china-aids-tk/2426818.html Mon, 25 Aug 2014 09:18:10 +0700 สุขภาพnoreply@voanews.com (Shannon Sant) ผู้ติดเชื้ออีโบล่าที่ได้รับยาต้านเชื้อเริ่มมีอาการดีขึ้น องค์การอนามัยโลกอนุมัติให้ใช้ยาต้านเชื้ออีโบล่า Zmapp สำหรับผู้ติดเชื้อในอาฟริกาได้แล้ว และผู้ป่วยที่ทดลองยาชนิดนี้ 5 คนเร่ิมมีอาการดีขึ้น ผู้สื่อข่าว Carol Pearson รายงาน http://www.voathai.com/media/video/2419394.html http://www.voathai.com/media/video/2419394.html Wed, 20 Aug 2014 06:43:00 +0700 สุขภาพโลกวีดีโอ การวิ่งเพื่อออกกำลังกายช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังหลายชนิด ทีมนักวิจัยในสหรัฐเปิดเผยว่าการวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคเรื้อรังอื่นๆ ได้ การวิจัยชิ้นนี้วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของผู้ใหญ่อเมริกันจำนวน 55,000 คนและพบว่าคนที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่งเป็นประจำมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคหัวใจและโรคเรื้อรังต่างๆ น้อยกว่าคนที่ไม่วิ่งเลย นอกจากนี้ยังมีอายุยืนกว่าคนที่ไม่วิ่งเลยประมาณ 3 ปี นักวิจัยชี้ว่าในบรรดาผู้ใหญ่ในการศึกษานี้ อย่างน้อย 1 ใน 4 ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ในช่วงระยะเวลาการศึกษาที่ยาวนาน 15 ปีนี้ มีผู้เข้าร่วมในการศึกษา 3,400 เสียชีวิตลงโดยประมาณ 1,200 คนเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ หัวใจวายและอาการเส้นเลือดในสมองแตก  คุณ D-C Lee เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านกายวิภาคซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์ด้านการเคลื่อนไหวทางกายที่มหาวิทยาลัย Iowa State University ในเมือง Ames รัฐ Iowa ผู้ช่วยศาสตราจารย์ D-C Lee กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าหากเปรียบเทียบกับคนที่ไม่วิ่งเลย คนที่วิ่งเพื่อออกกำลังกายมีความเสี่ยงน้อยลง 30 เปอร์เซ็นต์ต่อการเสียชีวิตด้วยโรคใดๆ ก็ตามรวมทั้งมะเร็ง นอกจากนี้คนที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่งยังมีโอกาสเสี่ยงน้อยลง 45 เปอร์เซ็นต์จากการเสียชีวิตจากโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ รวมทั้งหัวใจวายและเส้นเลือดในสมองแตกหากเปรียบเทียบกับคนที่ไม่วิ่งเลย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ D-C Lee กับทีมนักวิจัยพบว่าความเร็วของการวิ่ง ระยะทางของการวิ่ง ตลอดจนความบ่อยของการวิ่งไม่มีผลต่อการลดความเสี่ยงจากโรคเหล่านี้ลง ผู้ที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่งในการศึกษานี้วิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ย 10-16 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คนที่วิ่งช้าและคนที่วิ่งเพียงหนึ่งถึงสองครั้งต่อสัปดาห์ ต่างได้รับประโยชน์จากการวิ่งเหมือนกับคนที่วิ่งด้วยความเร็วที่สูงกว่าหรือวิ่งในระยะทางไกลกว่า  ผู้ช่วยศาสตราจารย์ D-C Lee กล่าวว่าทีมวิจัยยังได้ศึกษาถึงผลดีของการวิ่งติดต่อกันเป็นระยะเวลานานโดยพบว่าคนที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่งเป็นประจำนานหกปีขึ้นไปจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจน้อยที่สุดในบรรดากลุ่มผู้เข้าร่วมการศึกษา ผู้สื่อข่าววีโอเอรายงานว่าแพทย์แนะนำให้คนทั่วไปที่อายุต่ำกว่า 65 ปี ควรออกกำลังกายที่ต้องออกแรงในระดับปานกลางอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ 75 นาทีต่อสัปดาห์หากเป็นการออกกำลังกายที่ต้องออกแรงมาก อย่างเช่น การวิ่ง ทีมนักวิจัยที่รัฐ Iowa นี้ชี้ว่าผลการศึกษานี้สรุปจากข้อมูลที่ได้จากตอบแบบสอบถามผู้เข้าร่วมการศึกษา แต่ยังขาดข้อมูลที่สมบูรณ์เกี่ยวข้องกับโภชนาการของผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งน่าจะมีผลต่อผลการศึกษานี้ แม้กระนั้นก็ตาม ทีมนักวิจัยหวังว่าผลการศึกษานี้จะช่วยให้ผู้ใหญ่ที่ไม่ชอบออกกำลังกายเกิดแรงบันดาลใจหันไปวิ่งออกกำลังกายกันแบบเบาอย่างไม่ต้องหักโหมเพื่อสุขภาพที่ดีกันมากขึ้น       http://www.voathai.com/content/running-health-benefits-tk/2416632.html http://www.voathai.com/content/running-health-benefits-tk/2416632.html Mon, 18 Aug 2014 08:42:38 +0700 สุขภาพnoreply@voanews.com (Jessica Berman) นักวิจัยในสหรัฐพบจุดอ่อนของเชื้อมาลาเรีย ทีมนักวิจัยค้นพบจุดอ่อนของเชื้อมาลาเรียที่อาจจะนำไปสู่การพัฒนายาตัวใหม่ที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อมาลาเรียได้ในอนาค คุณ Josh Beck นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยการเเพทย์ Washington University ในเมือง St. Louis เป็นผู้ร่างรายงานผลการวิจัยเกี่ยวกับจุดอ่อนของเชื้อมาลาเรียในวารสาร Nature ฉบับกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเขากล่าวถึงงานวิจัยนี้ว่าเมื่อร่างกายคนเราได้รับเชื้อมาลาเรีย เชื้อมาลาเรียจะเข้าไปในเซลล์เม็ดเลือดแดงเเละขยายจำนวนในเซลล์เม็ดเลือดแดงเป็นสาเหตุให้เกิดอาการป่วยต่างๆ  องค์การอนามัยโลกชี้ว่าเชื้อมาลาเรียที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคมาลาเรียในคนมีทั้งหมดห้าสายพันธุ์ เชื้อ Plasmodium Falciparum เป็นสายพันธุ์มาลาเรียที่เป็นอันตรายต่อชีวิตมากที่สุด คุณ Beck นักวิจัยกล่าวว่านอกจากจะเข้าไปในเซลล์เม็ดเลือดแดงเเล้ว เชื้อมาลาเรียสายพันธุ์ Plasmodium Falciparum นี้ยังสร้างการเปลี่ยนแปลงสำคัญหลายอย่างต่อเซลล์เม็ดเลือดเเดงของผู้ติดเชื้อด้วย คุณ Josh Beck หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่าภายในเซลล์เม็ดเลือดแดง เชื้อมาลาเรีย Plasmodium Falciparum จะผลิตโปรตีนชนิดต่างๆ ออกมาเพื่อปรับให้เซลล์เม็ดเลือดแดงของผู้ติดเชื้อเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างทั้งทางด้านโครงสร้างและในสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากโปรตีนของตัวเชื้อมาลาเรียนี้เองที่ก่อให้เกิดอาการป่วยต่างๆ ที่เห็นในผู้ติดเชื้อมาลาเรีย  คุณ Josh Beck กล่าวว่านักวิจัยรู้ว่าเชื้อมาลาเรียผลิตโปรตีนออกมาหลายชนิดเมื่อเข้าไปในเม็ดเลือดเเดงของคนเเต่พวกเขาไม่รู้ว่าโปรตีนนับร้อยๆ ชนิดเหล่านี้ออกจากตัวเชื้อโรคเข้าไปสู่เซลล์เม็ดเลือดแดงของผู้ติดเชื้อได้อย่างไร นี่ทำให้ทีมนักวิจัยของเขามุ่งศึกษาโปรตีนจากเชื้อมาลาเรียที่เรียกว่าโปรตีน HSP101 เเละได้คำตอบที่เสาะหา  คุณ Beck กล่าวว่าหลังการศึกษาทีมนักวิจัยพบว่าตัวโปรตีนดังกล่าวผ่านเข้าสู่เซลล์เม็ดเลือดแดงของผู้ติดเชื้อผ่านช่ิองเพียงช่องเดียวจากตัวเชื้อมาลาเรีย  เขากล่าวว่าทีมงานพบว่าช่องทางส่งผ่านโปรตีนจากตัวเชื้อมาลาเรียเข้าไปยังเซลล์เม็ดเลือดแดงเป็นเหมือนกับคอขวด ทำให้ง่ายต่อการสกัดกั้น คุณ Beck ชี้ว่าการค้นพบนี้สร้างตื่นเต้นแก่ทีมวิจัยมากเพราะเเสดงให้เห็นว่าน่าจะมีวิธีคิดค้นวิธีป้องกันการทำงานของเชื้อมาลาเรียในขั้นตอนนี้ นักวิจัยกล่าวว่าในห้องทดลอง ทีมนักวิจัยทำการทดลองสกัดกั้นช่องส่งผ่านโปรตีนจากตัวเชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่เซลล์เม็ดเลือดแดง ปรากฏว่าเชื้อมาลาเรียเริ่มหยุดเจริญเติบโตเเละตายลงในที่สุด ทีมนักวิจัยเรียกขั้นตอนนี้ว่าการฝังเชื้อมาลาเรียให้ตายทั้งเป็น เเม้ผลการทดลองในห้องแลปจะได้ผล เเต่นักวิจัยชี้ว่าการทดสอบในคนอาจจะยากกว่ามาก  คุณ Beck หัวหน้าทีมนักวิจัยชี้ว่าอาจจะต้องมีการเสาะหาองค์ประกอบของสารเคมีต่างๆ เพื่อนำไปผลิตเป็นยาตัวใหม่ๆ ที่มีคุณสมบัติในการสกัดกั้นไม่ให้เชื้อมาลาเรียในร่างกายของผู้ติดเชื้อปล่อยโปรตีนเข้าสู่เซลล์เม็ดเลือดแดงได้สำเร็จ เขากล่าวว่าน่าจะมีวิธีหลายวิธีในการทำให้ช่องส่งผ่านโปรตีนของเชื้อมาลาเรียอุดตัน ดังนั้นน่าจะมีรูปแบบของการออกแบบยาตัวใหม่ๆ หลายรูปแบบด้วยกัน  ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการปราบปรามมาลาเรียจำเป็นต้องมีการคิดค้นยาบำบัดมาลาเรียตัวใหม่ๆ องค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่าเชื้อมาลาเรียเริ่มต่อต้านต่อตัวยาอาร์ตีมิซินิน (artemisinin) ซึ่งเป็นยาบำบัดมาลาเรียตัวหลักตัวหนึ่งที่ใช้กันทั่วไป       http://www.voathai.com/content/malaria-and-parasite-tk/2416627.html http://www.voathai.com/content/malaria-and-parasite-tk/2416627.html Mon, 18 Aug 2014 08:21:33 +0700 สุขภาพnoreply@voanews.com (Joe Capua) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขนานาชาติได้ร่วมกันประกาศแผนหยุดยั้งวัณโรคในกว่า 33 ประเทศและดินแดนทั่วโลกที่มีอัตราการติดเชื้อวัณโรคที่ต่ำอยู่เเล้ว ทุกปีประเทศและดินแดนต่างๆ ทั่วโลกราว 33 ชาติรายงานว่ามี จำนวนคนติดเชื้อวัณโรคในประเทศน้อยกว่า 100 คนต่อประชากรล้านคน ประเทศเหล่านี้รวมทั้ง จอร์เเดน สหรัฐอาหรับเอมิเรต มอลต้า ตลอดจนเขตเวสท์เเบงค์และฉนวนกาซ่า แต่นั่นหมายความว่ายังมีคนติดเชื้อวัณโรครายใหม่ ปีละ 155,000 คน เเละเสียชีวิต 10,000 ราย  แผนงานปราบปรามวัณโรคนานาชาติแผนใหม่มุ่งลดอัตราการติดเชื้อวัณโรคลงให้เหลือ 10 คนต่อประชากรล้านคนต่อปีภายในปีคริสตศักราช 2035 หรือภายใน 21 ปีข้างหน้า   เป้าหมายสูงสุดของแผนนี้คือต้องกำจัดวัณโรคให้หมดไปจากประเทศที่เข้าร่วมโครงการ 33 ประเทศเหล่านี้ให้ได้ภายในปีคริสตศักราช 2050 หรืออีก 36 ปีข้างหน้า  คุณ Giovanni Batista Migliori ประธานสมาคมโรคทางเดินหายใจแห่งยุโรป (European Respiratory Society) และผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือด้านโรควัณโรคเเละโรคปอดเเห่งองค์การอนามัยโลก (WHO Collaborating Center for Tuberculosis and Lung Diseases) กล่าวถึงโครงการนี้ว่าจำเป็นต้องมีความร่วมมือกันในทุกด้าน ในทุกส่วนของงานควบคุมวัณโรคซึ่งคลุมงานหลักทั้งแปดประการ คุณ Migliori ชี้ว่างานปราบปรามวัณโรคแปดประการหลักดังกล่าวนี้รวมถึงการเพิ่มเงินทุนเพื่อการคัดกรองหาผู้ติดเชื้อวัณโรคในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูงซึ่งเป็นกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวี กลุ่มคนที่อาศัยในชุมชนยากจนและแออัดและผู้ย้ายถิ่นจากประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ เขากล่าวว่ารัฐบาลประเทศต่างๆ ในโครงการควรส่งเสริมการวิจัยที่จะนำไปสู่การพัฒนาวิธีการตรวจหาวัณโรคอย่างรวดเร็วและการบำบัดวัณโรคที่ได้ผลโดยเฉพาะการบำบัดเชื้อวัณโรคสายพันธุ์ที่ดื้อต่อยารักษาหลายขนาน         http://www.voathai.com/content/tuberculosis-elimination-target-tk/2412820.html http://www.voathai.com/content/tuberculosis-elimination-target-tk/2412820.html Thu, 14 Aug 2014 09:24:58 +0700 สุขภาพnoreply@voanews.com (Jessica Berman) นักวิจัยในสหรัฐพัฒนายีนบำบัดเพื่อรักษาอาการจังหวะหัวใจเต้นผิดปกติ นักวิจัยสหรัฐพัฒนายีนบำบัดเพื่อช่วยกระตุ้นจังหวะการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติและเชื่อว่าอาจจะกลายเป็นวิธีบำบัดแบบใหม่ในอนาคตที่แพทย์โรคหัวใจสามารถนำไปใช้กับผู้ป่วยที่มีจังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติได้ ในปัจจุบัน แพทย์ผ่าตัดจะทำการผังเครื่องกระตุ้นจังหวะการเต้นของหัวใจหรือ pacemaker เพื่อช่วยกำหนดการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติในผู้ป่วยที่หัวใจอุดตัน ความบกพร่องในหัวใจนี้เป็นสาเหตุให้จังหวะการเต้นของหัวใจช้ากว่าปกติ ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศรีษะ เหนื่อยและเป็นลม ในบางกรณี อาจจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตอย่างกระทันหัน  แต่เครื่องกระตุ้นจังหวะการเต้นของหัวใจอาจมีปัญหาเกิดขึ้นได้ เครื่องอาจทำงานผิดพลาดในบางครั้ง นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจจะเกิดอาการอักเสบจนต้องทำการผ่าตัดนำเครื่อง pacemaker ออกจากทรวงอก และต้องใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษานาน 6 ถึง 8 สัปดาห์ ในกรณีของทารกในครรภ์ที่เกิดภาวะหัวใจอุดตัน ทารกจะเสียชีวิตในครรภ์ ทีมนักวิจัยที่สถาบันหัวใจ Cedars-Sinai ใน Los Angeles รัฐ California ได้พัฒนาการบำบัดแบบใหม่ด้วยการใช้ยีนที่เรียกว่ายีน TBX18 ที่ช่วยกระตุ้นให้จังหวะการเต้นของหัวใจเป็นปกติ ทีมนักวิจัยทดลองในหมูทดลองโดยทำพันธุวิศวกรรมเชื้อไวรัสที่ไม่เป็นอันตรายแก่ร่างกายเพื่อใช้เป็นตัวนำยีน TBX18 เข้าไปสู่หัวใจของหมูทดลองที่มีอาการหัวใจเต้นผิดปกติ  คุณ Edwardo Marban ผู้อำนวยการแห่งสถาบันหัวใจ Cedars-Sinai เป็นหัวหน้าทีมวิจัยนี้ เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอถึงการทดลองนี้ว่ายีน TBX18 สามารถแปลงให้เซลล์หัวใจธรรมดาทั่วไปให้กลายเป็นเซลล์พิเศษจำนวนหลายพันเซลล์ ทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นให้หัวใจเต้นเป็นปกติ  ยีน TBX18 ที่เข้าไปในหัวใจของหมูทดลอง ช่วยควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจในหมูทดลอง การทดลองบำบัดนี้ยาวนานสองสัปดาห์ ในสหรัฐอเมริกา ประมาณว่ามีคนป่วยด้วยโรคหัวใจเต้นผิดปกติได้รับการผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นจังหวะการเต้นของหัวใจปีละราวสามแสนคน แต่มีผู้ป่วยอย่างน้อย 2 เปอร์เซ็นต์เกิดอาการอักเสบหลังการผ่าตัดฝังเครื่อง pacemaker ทีมนักวิจัยมุ่งเป้าการบำบัดด้วยยีนในผู้ป่วยกลุ่มนี้ ทีมนักวิจัยวางแผนนำการบำบัดนี้ไปทดลองรักษาในคน พวกเขาหวังว่าผลงานที่ใช้เวลาพัฒนานานถึง 20 ปีนี้จะนำไปสู่วิธีบำบัดด้วยยีนที่ช่วยรักษาจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ คุณ Nickhill Munshi แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจที่มหาวิทยาลัยศูนย์การแพทย์ Texas Southwestern ในเมือง Dallas กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้ว เครื่อง pacemaker มีประสิทธิผลดีในการบำบัดผู้ป่วยและยังจะคงเป็นวิธีการรักษาวิธีเเรกสำหรับผู้ป่วยหัวใจอุดตันเเต่เขาชี้ว่าการมีวิธีบำบัดแบบใหม่เพื่อเป็นทางเลือกอีกทางก็เป็นเรื่องที่ดี  เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าในทางทฤษฎีเเล้ว เขาคิดว่าวิธีบำบัดด้วยยีนซึ่งเป็นวิธีทางธรรมชาติอาจจะมีผลดีในระยะยาวมากกว่าการบำบัดด้วยเครื่อง pacemaker แม้ว่าการบำบัดด้วยเครื่อง pacemaker อาจจะเป็นการรักษาที่ดีอย่างมากในปัจจุบันก็ตาม        http://www.voathai.com/content/biological-pacemaker-tk/2411589.html http://www.voathai.com/content/biological-pacemaker-tk/2411589.html Wed, 13 Aug 2014 08:47:06 +0700 สุขภาพnoreply@voanews.com (Jessica Berman) นักวิจัยพบความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างการขาดวิตามินดีและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของอาการความจำเสื่อมและโรค Alzheimer นักวิจัยพบความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างการขาดวิตามินดีและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของอาการความจำเสื่อมและโรค Alzheimer การวิจัยครั้งนี้ถือเป็นการศึกษากลุ่มตัวอย่างจำนวนมากที่สุดครั้งหนึ่ง อาจารย์ David Llewellyn จากมหาวิทยาลัย Exeter ของอังกฤษ เป็นผู้เขียนงานวิจัยนี้ร่วม ซึ่งเขาและคณะได้ศึกษาความสัมพันธ์ของระดับวิตามินดีกับอาการความจำเสื่อมในกลุ่มตัวอย่าง 1,600 คน คนเหล่านี้เป็นชาวอเมริกัน อายุ 65 ปีหรือสูงกว่านั้น  ระยะเวลาของการทดลองนั้นยาวนานถึง 6 ปี ซึ่งในตอนแรกทุกคนมีความปกติด้านความจำและระดับวิตามินดีด้วย แต่ในช่วงเวลา 6 ปีของการวิจัย ผู้ที่ถูกเก็บข้อมูล 171 จากทั้งหมดมีอาการความจำเสื่อม และ 102 คนมีสัญญาณเป็นโรค Alzheimer  ต่อมานักวิจัยพบความสัมพันธ์ที่ว่าผู้ที่มีขาดวิตามินดีรุนแรงมีความเสี่ยงมากกว่าปกติ ราว 120% ต่อการเป็นโรค Alzheimer และอาการความจำเสื่อม ดังนั้นจึงเข้าใจได้ว่า การป้องกันไม่ให้คนขาดวิตามินดีอาจสามารถช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคที่ทำลายความทรงจำได้ แหล่งวิตามินดีที่สำคัญมาจาก อาหารที่มีน้ำมันปลาสูงเช่น เนื้อปลาซัลมอน รวมถึงมาจากแสงแดด และอาหารเสริมวิตามินดีด้วย งานวิจัยชิ้นนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ที่ชื่อ Neurology  โปรดติดตามรายละเอียดจากคลิปเรื่องนี้ในรายการข่าวสดสายตรงจากวีโอเอ    รายงานโดย Jessica Berman /เรียบเรียงโดย Rattaphol Onsanit        http://www.voathai.com/content/vitamin-d-ro/2406777.html http://www.voathai.com/content/vitamin-d-ro/2406777.html Fri, 08 Aug 2014 09:19:52 +0700 สุขภาพnoreply@voanews.com (Jessica Berman) นักวิจัยพบว่าการนอนในห้องที่ปรับอุณหภูมิให้อยู่ในระดับต่ำ จะสามารถเพิ่มระดับไขมันที่เป็นประโยชน์ที่เรียกว่า Brown Fat ได้ นักวิจัยพบว่าการนอนในห้องที่ปรับอุณหภูมิให้อยู่ในระดับต่ำ จะสามารถเพิ่มระดับไขมันที่เป็นประโยชน์ที่เรียกว่า Brown Fat ซึ่งไขมันชนิดนี้ช่วยลดความเสี่ยงโรคเบาหวานและความผิดปกติในระบบเผาผลาญของร่างกายคนได้ ในการทดลองนี้ซึ่งกินระยะเวลา 4 เดือน ในเดือนแรกอุณหภูมิของห้องนอนถูกตั้งไว้ที่ 24 องศาเซลเซียส เดือนที่สองอุณหภูมิถูกปรับลงเป็น 19 องศาก่อนกลับมาเป็น 24 องศาอีกครั้ง ส่วนเดือนสุดท้ายนักวิจัยปรับขึ้นเป็น 27 องศา ตลอดระยะเวลาดังกล่าว นักวิจัยวัดผลน้ำตาลในเลือดของกลุ่มตัวอย่าง พร้อมด้วยระดับอินสุลิน และระดับไขมัน Brown Fat โดยปรากฏว่าระดับตัวแปรต่างๆ ดีขึ้นเมื่อกลุ่มตัวอย่างนอนในห้องที่อุณภูมิ 19 องศาเซลเซียส ส่วนระดับไขมัน Brown Fat เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ในช่วงที่อุณหภูมิอยู่ต่ำที่ 19 องศาเช่นกัน แต่เมื่ออุณหภูมิในห้องนอนถูกปรับเป็น 27 องศา ในช่วงนั้นระดับ Brown Fat ของกลุ่มตัวอย่างลดลง  งานวิจัยชิ้นนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์เรื่องเบาหวานที่ชื่อ นิตยสาร “Diabetes”  โปรดติดตามรายละเอียดจากคลิปเรื่องนี้ในรายการข่าวสดสายตรงจากวีโอเอ    รายงานโดย New York Times/เรียบเรียงโดย Rattaphol Onsanit          http://www.voathai.com/content/thermastat-ro/1973362.html http://www.voathai.com/content/thermastat-ro/1973362.html Thu, 07 Aug 2014 09:18:54 +0700 สุขภาพ นักจิตวิทยาชี้การมองโลกในแง่ร้ายอาจเป็นผลดีในบางสถานการณ์ นักจิตวิทยาชี้ว่าการมองโลกในแง่ร้ายอาจเป็นผลดีได้ในบางสถานการณ์ เพราะผลการศึกษากลุ่มคนสูงอายุเกิน 65 ปีราว 1,300 คนแสดงว่า ผู้ที่มองโลกในแง่ร้ายบ้างจะมีสุขภาพดีกว่าและมีอายุยืนยาวขึ้นราว 10 % เมื่อเทียบกับผู้ที่มองโลกในแง่ดีมากเกินไป เพราะการไม่ไว้วางใจในสถานการณ์และปัญหาต่างๆ จะช่วยกระตุ้นในมีการเตรียมตัวเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ดีขึ้น นักจิตวิทยากล่าวด้วยว่าในบางครั้งการมองโลกในแง่ร้ายก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเช่นกันเพื่อช่วยให้มีการประเมินสถานการณ์ที่สำคัญในชีวิตอย่างถูกต้อง และส่วนใหญ่แล้วคนเราแต่ละคนควรมีส่วนผสมของทัศนคติและการมองโลกทั้งสองอย่างนี้อย่างเหมาะสมเพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีความสุขและสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันได้ http://www.voathai.com/content/pessimism-ct-5aug14/1972501.html http://www.voathai.com/content/pessimism-ct-5aug14/1972501.html Wed, 06 Aug 2014 09:31:08 +0700 สุขภาพ เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกชี้ประเพณีศพผู้เสียชีวิตจาก Ebola สร้างความเสี่ยงของการแพร่เชื้อโรคนี้ เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกกล่าวว่าประเพณีในบางประเทศที่สมาชิกในครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากโรค Ebola จะชำระล้างร่างกายญาติของตนที่เสียชีวิตนั้นสร้างความเสี่ยงของการแพร่เชื้อโรคนี้ได้ เพราะโดยปกติแล้วในขณะที่เสียชีวิตผู้ป่วยมักมีเชื้อไวรัส Ebola อยู่ในระดับสูงที่สุดและมักมีของเหลวชนิดต่างๆ ไหลออกมา เช่นเลือด อาเจียน หรือมีอาการท้องร่วง เป็นต้น ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อออกไปได้ นอกจากนั้นยังมีชุมชนบางแห่งที่หวาดกลัวและไม่ต้องการให้ฝังศพผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้ในพื้นที่ของตน แต่เจ้าหน้าที่กาชาดในประเทศไลบีเรียชี้ว่าหากได้รับการแจ้ง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์จะดำเนินการเพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อจากร่างกายของผู้เสียชีวิตก่อนที่จะใส่ลงในถุงบรรจุศพ และหลังจากนั้นก็จะทำความสะอาดถุงนั้นอีกครั้งก่อนที่จะบรรจุลงในถุงชั้นที่สองเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่สาธารณสุขย้ำว่าเชื้อ Ebola ไม่สามารถแพร่กระจายทางอากาศและจะติดต่อได้ด้วยของเหลวจากร่างกายเท่านั้น และถึงแม้อัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้จะสูงถึง 90 % แต่โรคนี้มีระยะเวลาฟักตัว 2-21 วันและหากได้รับการบำบัดรักษาแต่เนิ่นๆ ทันเวลาโอกาสของการเสียชีวิตก็จะลดลง   http://www.voathai.com/content/ebola-poverty-ct/1970857.html http://www.voathai.com/content/ebola-poverty-ct/1970857.html Mon, 04 Aug 2014 08:45:32 +0700 สุขภาพโลก นักวิจัยในสหรัฐคิดค้นวิธีทดสอบสารเคมีก่อมะเร็งแบบใหม่ที่ราคาไม่แพง ทีมนักวิจัยในสหรัฐได้พัฒนาวิธีทดสอบอย่างง่ายเพื่อดูว่าสารเคมีชนิดใดมีผลเสียระยะยาวต่อสุขภาพเนื่องจากยังมีสารเคมีอีกหลายพันชนิดที่ยังไม่ได้รับการทดสอบว่าเป็นสารก่อมะเร็งหรือไม่  ปัจจุบันมีสารเคมีมากกว่า 80,000 ชนิดในตลาดผู้บริโภคทั่วโลก สารเคมีเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในการผลิตสินค้ามากมายตั้งเเต่ยารักษาโรค ยาฆ่าเเมลงไปจนถึงสารกันน้ำและสารกันไฟในเฟอร์นิเจอร์และพรมปูพื้น แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่ามีสารเคมีน้อยกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ของสารเคมีทั้งหมดที่ใช้ในการค้า ที่ได้รับการทดสอบว่าไม่ก่อให้เกิดมะเร็งหากถูกต้องกับร่างกายเป็นระยะเวลานานเนื่องจากการทดสอบสารเคมีต้องใช้เวลานานเเละเสียค่าใช้จ่ายสูง  ขณะนี้ ทีมนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Boston ได้พัฒนาวิธีการทดสอบที่ราคาไม่แพงเพื่อตรวจว่าสารเคมีหลายหมื่นชนิดที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันเป็นสารก่อมะเร็งหรือไม่  คุณ Stefano Monti ผู้เชี่ยวชาญประจำโครงการ Bioinformatics Program ที่มหาวิทยาลัย Boston รัฐ Massachusettesกล่าวว่าวิธีการทดสอบสารเคมีที่ทีมงานคิดค้นขึ้นนี้จะช่วยบรรดาหน่วยงานควบคุมการใช้สารเคมีเเละผู้ผลิตสารเคมีต่างๆ ตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้สารเคมีชนิดต่างในสายงานการผลิต  เขากล่าวว่าสมาชิกของทีมวิจัยซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากภาควิชาการแพทย์และการสาธารณสุขกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานวิจัยสารเคมีอันตรายแห่งชาติได้ทำการทดสอบสารเคมีที่รู้กันดีว่าเป็นสารก่อมะเร็งชนิดต่างๆ ในหนูทดลองเป็นเวลาหลายสัปดาห์ นักวิจัยทำการบันทึกว่ามียีนตัวใดบ้างในหนูทดลองที่ได้รับการกระตุ้นจากสารเคมีดังกล่าวเเล้วนำไปเทียบกับผลกระทบระยะสั้นจากสารเคมีที่ปลอดภัยราว 100 ชนิดที่มีต่อหนูทดลอง คุณ Monti กล่าวว่าการวัดระดับของผลกระทบจากการถูกต้องกับสารเคมีอย่างได้รับการควบคุม โดยเริ่มทำตั้งเเต่ต้น เป็นวิธีหนึ่งในการตรวจสอบว่าสารเคมีดังกล่าวก่อให้เกิดมะเร็งหรือไม่ เขากล่าวว่าวิธีการตรวจเเบบนี้จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยระบุได้ว่าสารเคมีตัวใดบ้างที่ควรได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติมเพราะอาจเป็นสารเคมีที่ก่อให้เกิดมะเร็ง มีสารเคมีชนิดต่างๆ ที่ได้รับการทดลอบเเล้วรวมทั้งสาร benzene ที่รู้กันอยู่เเล้วว่าเป็นสารก่อมะเร็งในเลือดและมะเร็งในต่อมน้ำเหลือง ตลอดจนสารโพลีคลอริเนตเตดไบฟีนีลที่รู้จักกันดีในนามสารพีซีบีเอส เป็นสารอันตรายที่ตกค้างเป็นเวลานานในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม เคยนำไปใช้ในการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าเช่นตัวทรานสฟอร์มเม่อร์และเป็นสารก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง มะเร็งสมองและมะเร็งตับ นอกเหนือจากประโยชน์ของวิธีการทดสอบนี้ในการตรวจสอบสารเคมีก่อมะเร็งแล้ว คุณ Stefano Monti หัวหน้าทีมนักวิจัยชี้ว่าทีมนักวิจัยต้องการเข้าใจว่าสารเคมีอันตรายทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่นำไปสู่การเกิดมะเร็งได้อย่างไร เขากล่าวว่ายังระบุไม่ได้แน่ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงระยะสั้นในยีนที่เกิดขึ้นจากการได้รับสารเคมีในการทดลองในห้องทดลองจะนำไปสู่การเกิดมะเร็งในที่สุดหรือไม่      http://www.voathai.com/content/cancer-chemical-test-tk/1970854.html http://www.voathai.com/content/cancer-chemical-test-tk/1970854.html Mon, 04 Aug 2014 08:29:41 +0700 สุขภาพnoreply@voanews.com (Jessica Berman) ความพยายามควบคุมการระบาดของเชื้ออีโบล่า http://www.voathai.com/media/photogallery/ebola-spread-outpaces-control-effort/1970848.html http://www.voathai.com/media/photogallery/ebola-spread-outpaces-control-effort/1970848.html Fri, 01 Aug 2014 23:54:00 +0700 ห้องแสดงรูปภาพสุขภาพ ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเชื้ออีโบล่าเพิ่มเป็นกว่า 700 คน องค์การอนามัยโลกรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิิตจากเชื้ออีโบล่าระบาดในอัฟริกาตะวันตกเพิ่มเป็นกว่า 700 คน ขณะที่รัฐบาลสหรัฐออกประกาศเตือนพลเมืองที่จะเดินทางไปแถบอัฟริกาตะวันตกแล้ว ผู้สื่อข่าว Mary Alice Salinas รายงาน http://www.voathai.com/media/video/west-africa-ebola-deaths-top-725-us-issues-travel-warning/1970845.html http://www.voathai.com/media/video/west-africa-ebola-deaths-top-725-us-issues-travel-warning/1970845.html Fri, 01 Aug 2014 18:16:00 +0700 สุขภาพโลกวีดีโอ ผู้เชี่ยวชาญอเมริกันพบว่าภาวะครรภ์เป็นพิษเกี่ยวข้องกับโปรตีนที่อุดตันในรก ผู้เชี่ยวชาญประมาณว่ามีผู้หญิงอย่างน้อย 75,000 คนทั่วโลกเสียชีวิตทุกปีเนื่องจากภาวะครรภ์เป็นพิษ ซึ่งเป็นความผิดปกติจากการตั้งภรรค์ที่วงการแพทย์ยังไม่เข้าใจสาเหตุอย่างถ่องแท้ มีมารดาและทารกอีกจำนวนมากในประเทศกำลังพัฒนาที่เสียชีวิตจากภาวะครรภ์เป็นพิษเนื่องจากสังเกตอาการป่วยได้ยากโดยเฉพาะในหญิงที่ไม่รับการตรวจครรภ์เป็นประจำ  อาการป่วยจากภาวะครรภ์เป็นพิษอาจไม่ชัดเจน หญิงตั้งครรภ์จะมีความดันโลหิตที่สูงขึ้น หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้เกิดอาการชัก เส้นเลือดในสมองแตก อาการตับวายและทำให้ทั้งแม่เเละทารกในครรภ์เสียชีวิตได้ แพทย์ต้องทำคลอดทารกก่อนกำหนดเพื่อรักษาภาวะครรภ์เป็นพิษ  ขณะนี้ ทีมนักวิจัยในสหรัฐได้ค้นพบสาเหตุของภาวะครรภ์เป็นพิษว่าเกี่ยวข้องกับการม้วนพับของโปรตีนที่ผิดปกติ รวมทั้งโปรตีนแอมีลอยเบต้าด์ที่พบในสมองของผู้ป่วยโรคอัลไซม์เมอร์ส  ทีมนักวิจัยที่นำโดยคุณ Irina Buhimschi ผู้อำนวยการศูนย์มารดาและทารกในครรภ์ (Center for Perinatal Research) แห่งโรงพยาบาลเด็กที่เมือง Columbus รัฐ Ohio ค้นพบว่าโปรตีนที่ม้วนพับผิดปกติจะไปอุดตันในรกทำให้หญิงตั้งครรภ์เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ คุณ Buhimschi กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าโปรตีนที่มีปริมาณมากจำเป็นต้องเก็บอยู่ในจุดต่างๆ กันในร่างกาย หญิงตั้งครรภ์มีโปรตีนถูกสร้างขึ้นมากมายหลายชนิด สร้างโดยรกและโดยตัวทารกในครรภ์ซึ่งจำเป็นต้องถูกกำจัดออกจากร่างกาย ดังนั้นร่างกายของหญิงตั้งครรภ์จึงมีปริมาณโปรตีนมากกว่าในคนปกติที่ร่างกายต้องกำจัด คุณ Buhimschi ผู้อำนวยการศูนย์มารดาและทารกในครรภ์ที่รัฐ Ohio กล่าวว่าภาวะครรภ์เป็นพิษมักเกิดในหญิงที่ตั้งครรภ์เป็นครั้งเเรกอาจเป็นเพราะว่าร่างกายยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการอุ้มท้อง  คุณ Buhimschi กล่าวว่าหากเกิดความผิดปกติขึ้น โปรตีนชนิดต่างๆ ที่สะสมในปริมาณมากไม่สามารถไหลเวียนไปมาได้อย่างสะดวกระหว่างร่างกายมารดากับร่างกายเด็กทารกทำให้เกิดอาการอุดตันของโปรตีนในรก คุณ Buhimschi เเละผู้ร่วมงานทดลองใช้สีย้อมทางการแพทย์ สีแดงคองโก เพื่อเสาะหาโปรตีนต่างๆ ที่ปรากฏในปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์ สีย้อมจะไปเกาะติดกับตัวโปรตีนและวงการแพทย์ใช้สีย้อมสีแดงชนิดนี้มานานหลายปีเเล้วเพื่อวิเคราะห์หาคราบ          แอมีลอยด์เบต้าในสมองของผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคอัลไซม์เม่อร์ส คุณ Buhimschi กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าทีมงานเชื่อว่าหญิงตั้งครรภ์จะขับโปรตีนม้วนพับผิดปกตินี้ออกมาปัสสาวะ ทีมงานสามารถทดสอบหาโปรตีนตัวนี้ที่มีสีย้อมสีเเดงเกาะติดเพื่อตรวจหาภาวะครรภ์เป็นพิษได้ หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวปิดท้ายรายงานจากผู้สื่อข่าววีโอเอว่าการทดสอบหาโปรตีนม้วนพับที่ผิดปกติด้วยการใช้สีย้อมสีเเดงคองโก มีความเเม่นยำสูงมากในการตรวจกาภาวะครรภ์เป็นพิษ และกำลังนำไปทดสอบในหลายประเทศอยู่ในขณะนี้รวมทั้งในประเทศอาฟริกาใต้และอินเดีย        http://www.voathai.com/content/preclampsia-protein-tk/1969357.html http://www.voathai.com/content/preclampsia-protein-tk/1969357.html Fri, 01 Aug 2014 09:15:33 +0700 สุขภาพnoreply@voanews.com (Jessica Berman) WHO ตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อแก้ปัญหาโรคอ้วนในเด็ก คณะกรรมการระดับสูงเพื่อแก้ไขปัญหาโรคอ้วนก่อตั้งโดย Dr. Margaret Chan ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ 15 คนเน้นย้ำการป้องกันโรคอ้วนในเด็กและการหาทางลดจำนวนเด็กที่เป็นโรคอ้วนลงทั่วโลก องค์การอนามัยโลกรายงานว่าจำนวนทารกและเด็กที่เป็นโรคอ้วนได้เพิ่มขึ้นทั่วโลกจาก 31 ล้านคนในปีคริสตศักราช 1990 เป็น 44 ล้านคนในปีคริสตศักราช 2012 ในช่วงระยะเวลาเดียวกันนี้ องค์การอนามัยโลกชี้ว่าจำนวนเด็กที่เป็นโรคอ้วนในทวีปอาฟริกา เพียงที่เดียว ได้เพิ่มขึ้นจาก 4 ล้านคนเป็น 10 ล้านคน  หากจำนวนของเด็กที่เป็นโรคอ้วนยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแบบนี้ องค์การอนามัยโลกเตือนว่าภายในปีคริสตศักราช 2025 หรืออีกสิบเอ็ดปีข้างหน้า จะมีเด็กเป็นโรคอ้วนทั่วโลก 70 ล้านคน  Dr. Peter David Gluckman ประธานร่วมคณะกรรมการยุติโรคอ้วนในเด็ก (Commission on Ending Childhood Obesity) เป็นที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์แก่นายกรัฐมนตรีของนิวซีเเลนด์ เขากล่าวว่าเด็กที่เป็นโรคอ้วนจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักตัวเกิน ที่จะป่วยด้วยโรคเบาหวาน โรคหัวใจ มีโอกาสเสี่ยงสูงต่อโรคมะเร็งและปัญหาสุขภาพอื่นๆ เขากล่าวว่าทุกคนต้องเข้าใจว่าเด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็ก ดังนั้นการแก้ปัญหาโรคอ้วนในเด็กต้องใช้แนวทางที่เเตกต่างจากที่ใช้กับผู้ใหญ่ เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าการแก้ปัญหาโรคอ้วนในเด็กมีวิธีแทรกแซงสองวิธี Dr. Gluckman ประธานร่วมคณะกรรมการยุติโรคอ้วนในเด็กกล่าวว่าสองวิธีดังกล่าวนี้ไม่แยกออกจากกัน ต้องใช้ร่วมกัน เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาพของเเม่ ผู้หญิงและเด็กหญิงก่อนที่จะมีเริ่มบุตร การส่งเสริมสุขภาพครรภ์ของมารดาตั้งท้อง ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมมารดาและวิธีการหย่านม ที่ไม่ปฏิบัติกันเเล้วในปัจจุบันโดยเฉพาะในประเทศตะวันตก ในขณะเดียวกันจำเป็นต้องส่งเสริมนิสัยการบริโภคที่ดีในกลุ่มคนอายุน้อย ในอดีต โรคติดต่อชนิดต่างๆ เคยถูกจัดให้เป็นโรคที่อันตรายที่สุดต่อสุขภาพของคนในประเทศกำลังพัฒนาแต่ในปัจจุบัน โรคไม่ติดต่อ รวมทั้ง โรคหัวใจและอาการเส้นเลือดในสมองแตก เบาหวานและมะเร็งได้กลายเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญ โรคไม่ติดต่อเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางวิถีีชีวิตที่เสี่ยง 4 อย่างรวมทั้งการสูบบุหรี่ การบริโภคอาหารที่ไม่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย การขาดการออกกำลังกายและการดื่มสุราในปริมาณมาก Dr. Gluckman กล่าวว่าปัจจัยทั้งหมดดังกล่าวมีผลให้ปัญหาโรคอ้วนรุนแรงขึ้น เขาชี้ว่าปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นในเด็กจะคงอยู่เเม้จะโตเป็นผู้ใหญ่ เขาชี้ว่าปัญหาโรคอ้วนในเด็กรุนแรงขึ้นในประเทศหมู่เกาะเเปซิฟิกและประเทศแถบเเคริบเบียน ในตะวันออกกลางและประเทศต่างๆ ทางใต้ของทะเลทรายซาฮาร่าก็เสี่ยงที่จะเผชิญปัญหานี้มากขึ้น Dr. Gluckman ประธานร่วมคณะกรรมการยุติโรคอ้วนในเด็กกล่าวว่าเกิดปัญหาเด็กขาดอาหารและปัญหาโรคอ้วนในเด็กขึ้นพร้อมๆ กันในหลายๆประเทศ อาทิ ไนจีเรีย กาน่า และชาติอื่นๆ ที่เริ่มมีจำนวนเด็กเป็นโรคอ้วนเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในเขตเมือง เนื่องจากมีการรับประทานอาหารทอดน้ำมันกันมากขึ้น   สมาชิกของคณะกรรมการยุติโรคอ้วนในเด็กแห่งองค์การอนามัยโลกทั้ง 15 คนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญจากสาขาสังคมศาสตร์ สาขาการสาธารณสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ทางคลีนิคและนักเศรษฐศาสตร์ คณะกรรมการจะเริ่มวิเคราะห์แนวทางการป้องกันและเเก้ปัญหาโรคอ้วนในเด็ก สมาชิกของคณะกรรมการจะจัดทำโครงการเฝ้าติดตามเพื่อดูว่าแนวทางป้องกันเเละการแก้ไขปัญหาได้ผลตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ ผู้สื่อข่าววีโอเอกล่าวปิดท้ายรายงานว่าคณะกรรมการยุติโรคอ้วนในเด็กจะรายงานผลการทำงานแก่ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกในปีหน้าและคาดว่าจะนำไปถกกันในที่ประชุมของการประชุมสุขภาพระดับโลก หรือ World Health Assembly ในเดือนพฤษภาคมปีหน้าเพื่อสรุปหาแนวทางปฏิบัติกันต่อไป     http://www.voathai.com/content/who-child-obesity-tk/1969356.html http://www.voathai.com/content/who-child-obesity-tk/1969356.html Fri, 01 Aug 2014 08:56:51 +0700 สุขภาพnoreply@voanews.com (Lisa Schlein) ทีมนักวิจัยค้นพบโปรตีนชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานให้อยู่ในระดับปกติ นักวิจัยในสหรัฐพบว่าการฉีดโปรตีน FGF1 เเก่ผู้ป่วยเบาหวานช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติได้นานหลายวันและหวังว่าจะสามารถนำไปบำบัดผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่สองภายในไม่กี่ปีข้างหน้า  ทีมนักวิทยาศาสตร์รู้จักโปรตีนคุณสมบัติพิเศษที่เรียกว่า FGF1 มานานหลายสิบปีเเล้วแต่เพิ่งค้นพบศักยภาพของโปรตีนตัวนี้เมื่อเร็วๆ นี้ว่าสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของหนูทดลองที่ผ่านการทำพันธุวิศวกรรมให้ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่สอง  หลังจากได้รับการฉีดโปรตีนชนิดนี้เข้าไปในร่างกายเพียงหนึ่งเข็ม ระดับน้ำตาลในกระเเสเลือดของหนูทดลองเริ่มกลับไปอยู่ในระดับปกติได้นานกว่าสองวัน  โรคเบาหวานประเภทที่สอง เป็นอาการที่เซลล์ในร่างกายไม่ดูดซึมน้ำตาลหรือกลูโคสออกจากกระเเสเลือดได้ นักวิจัยชี้ว่าโปรตีน FGF1 ไปช่วยกระตุ้นให้ร่างกายตอบสนองต่อการทำงานของสารอินซูลินได้ดีขึ้น ช่วยให้เซลล์ดูดซึมน้ำตาลได้ดีขึ้น ควบคุมให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดอยู่ในระดับปกติ  คุณ Ron Evans ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบต่อมไร้ท่อกล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าการทำงานร่วมกันระหว่างตัวโปรตีน FGF1 กับอินซูลินในร่างกายผู้ป่วยช่วยคืนสมดุลเเก่การทำงานของร่างกายในการควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด  เเต่เขา ย้ำว่าโปรตีน FGF1 ไม่ใช่วิธีรักษาโรคเบาหวานให้หายขาด   ในปัจจุบัน แพทย์ใช้วิธีการบำบัดเบาหวานประเภทสองหลายวิธีด้วยกัน ที่มุ่งไปที่การกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารอินซูลินเพื่อช่วยลดปริมาณกลูโคสในเลือดลงแต่การบำบัดเหล่านี้อาจมีผลข้างเคียงที่รุนเเรง  หากและเมื่อใดที่หน่วยงานควบคุมอนุมัติให้ใช้โปรตีน FGF1 ในการบำบัดโรคเบาหวานประเภทที่สอง ผู้ป่วยจะต้องฉีดโปรตีนชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายเช่นเดียวกับการฉีดอินซูลิน โดยต้องฉีดหนึ่งเข็มต่อทุกสองวัน  คุณ Evans และทีมงานวิจัยที่ Salk Institute for Biological Studies กำลังคิดค้นหาหาว่าต้องใช้ปริมาณโปรตีนเท่าใดต่อเข็มเพื่อให้คงประสิทธิภาพได้นานหลายวันกว่าเดิม  โรคเบาหวานประเภทที่สองได้กลายเป็นปัญหาสุขภาพที่รุนแรงมากขึ้นทั่วโลกมีคนป่วยด้วยโรคนี้มากขึ้นเนื่องจากคนนิยมบริโภคอาหารที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตสูงโดยเฉพาะอาหารประเภททานด่วนที่มีอยู่เเพร่หลาย ระดับน้ำหนักตัวที่สูงเกินปกติและการไม่ออกกำลังกายก็เป็นสามารถให้เกิดเบาหวานประเภทนี้ คุณ Evans ตื่นเต้นอย่างมากต่อความเป็นไปได้ในการใช้โปรตีน FGF1 เพื่อบำบัดเบาหวานชนิดนี้  เขากล่าวว่าน่าตื่นเต้นเนื่องจากเป็นการค้นพบบทบาทใหม่ของโปรตีน FGF1 เเละเเสดงให้เห็นว่ามีสิ่งที่เราต้องเรียนรู้อีกมากมายและนี่เป็นบทเรียนที่ได้รับเพราะนักวิทยาศาสตร์รู้จักโปรตีนตัวนี้มานานสามสิบปีเเล้ว แต่เพิ่งค้นพบคุณสมบัติพิเศษนี้ เป็นค้นพบนี้เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดเพราะไม่เคยมีใครพยายามค้นหาคุณสมบัตินี้ในโปรตีน FGF1 มาก่อน ทีมนักวิจัยที่สถาบัน Salk ตีพิมพ์ผลการวิจัยนี้ในวารสาร Nature เมื่อเร็วๆ นี้ คุณ Ron Evans คิดว่าการทดลองบำบัดทางคลีนิคด้วยโปรตีน FGF1 ซึ่งเขากล่าวว่ามีความปลอดภัย น่าจะเริ่มต้นได้ภายในหนึ่งปีถึงหนึ่งปีครึ่งข้างหน้า        http://www.voathai.com/content/diabetes-protein-treatment-tk/1968587.html http://www.voathai.com/content/diabetes-protein-treatment-tk/1968587.html Thu, 31 Jul 2014 09:16:20 +0700 สุขภาพ ภาพข่าวการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบล่า http://www.voathai.com/media/photogallery/tracking-people-at-risk-of-contracting-ebola/1969531.html http://www.voathai.com/media/photogallery/tracking-people-at-risk-of-contracting-ebola/1969531.html Thu, 31 Jul 2014 01:59:00 +0700 ห้องแสดงรูปภาพสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญกังวลหากเชื้อ Ebola แพร่ระบาดในเมืองใหญ่ของไนจีเรีย FAO เตือนประเทศในแอฟริกาให้ระวังการแพร่เชื้อจากสัตว์ป่าถึงคนและคาดว่าค้างคาวเป็นพาหะนำโรค    บรรดาแพทย์ในไนจีเรียหยุดงานประท้วงอุปกรณ์เครื่องมือที่ล้าสมัยและไม่เพียงพอสำหรับรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาล และผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าสภาพการณ์ตามโรงพยาบาลของประเทศขณะนี้ยิ่งน่าตกใจมากขึ้นหลังจากมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อ Ebola ในไนจีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งยังแสดงความกังวลด้วยหากมีการระบาดของเชื้อไวรัส ดังกล่าวในเมืองใหญ่ต่างๆ ของประเทศ เช่นกรุง Abuja หรือนคร Lagos ที่มีประชากรมากถึง 21 ล้านคน   เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว องค์การอาหารและการเกษตรของสหประชาชาติหรือ FAO ได้เตือนประเทศต่างๆ ในทวีปแอฟริกาให้ระวังการแพร่เชื้อจากสัตว์ป่าซึ่งเป็นพาหะนำโรค Ebola ถึงคน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เข้าไปหาของป่าหรือล่าสัตว์และต้องสัมผัสจับต้องกับซากสัตว์ที่อาจติดเชื้อโรคนี้ ไม่ว่าจะด้วยการชำแหละ ทำความสะอาด หรือนำมาทำเป็นอาหารก็ตาม FAO คาดด้วยว่าค้างคาวกินผลไม้อาจเป็นพาหะนำโรคที่ไม่แสดงอาการและแพร่เชื้อดังกล่าวสู่คน และการกินสัตว์ป่าที่ไม่ผ่านการปรุงให้สุกดีรวมทั้งความเชื่อในหมอแผนโบราณของชาวแอฟริกาก็นับเป็นปัญหาสำคัญสำหรับการควบคุมการแพร่เชื้อโรคนี้          http://www.voathai.com/content/nigeria-ebola-ct/1967809.html http://www.voathai.com/content/nigeria-ebola-ct/1967809.html Wed, 30 Jul 2014 09:48:43 +0700 สุขภาพ